วันพุธ

หมาหมู่..




สุนัขเป็นสัตว์ที่ถือว่า"ใกล้ชิด"กับคนมากที่สุด..

เป็นเพื่อนกิน.. เพื่อนนอน.. เพื่อนเล่น.. แม้กระทั่งเพื่อนตาย

คนบางคน"รัก"สุนัขจนลูกยังอิจฉา..

เรียก"น้องหมา"เพราะกว่าเรียกลูกตัวเอง.!!!


แต่"สุนัข"ที่ไม่ค่อยเป็นที่รักก็มักจะโดนไป.. ปล่อยวัด

หลวงปู่หลวงตาท่าน"เมตตา"ก็เลี้ยงไปด้วยข้าวก้นบาตร..

น้องหมาก็ยัง"สำนึก"ในคุณพระสงฆ์องค์เจ้า..

ทำไรไม่ได้มาก"อย่างน้อย"ก็ช่วยเฝ้ารักษาวัด.!!!!


วันนี้.. มีนายตำรวจทหารที่ก่อนหน้าก็เคยปฏิญาน..

ว่าจะรักชาติ ศาสน กษัตริย์..

จะ"ปกป้อง"อริราชศัตรูจากภายนอก..

และจะคอย"พิทักษ์"สันติราษฎร์อยู่ภายใน..


กำลัง"ข่มขู่"พระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา..

คำก็ให้มอบตัว.. สองคำก็จะจับ..

ก็ไม่รู้ว่า"หมาวัด"ที่ใครๆก็รังเกียจ..

เมื่อเทียบกับ"หมาหมู่"ที่มารังแกวัด..

อย่างไหนมันจะเลี้ยง "เสียข้าวสุก" มากกว่ากัน.!!!!!!!


เด็กข้างวัด..



วันจันทร์

ผู้วิเศษ..




ทำไมต้องกลัว.?


ไม่ผิดจะ"กลัว"อะไร.??

ทำไมไม่ยอม"เข้าสู่"กระบวนการยุติธรรม.???

เป็น"ผู้วิเศษ"มาจากไหนถึงอยู่เหนือกฎหมายได้.????


เพราะ"ไม่ผิด"จึงไม่กลัว.!

ไม่กลัวที่จะ"ยืนหยัด"บนความถูกต้อง.!!

ไม่กลัวที่จะเอา"ตัวเอง"เป็นกรณีตัวอย่าง.!!!

ไม่กลัวที่จะต่อสู้กับความ"อยุติธรรม"จากกระบวนการสกปรก.!!!!


ถ้ากลัวก็ไป"มอบตัว"แล้ว..

ถ้ากลัวก็"หนี"ไปต่างประเทศ..

ถ้ากลัวก็ยอม"จ่าย"เพื่อปิดคดี..

ถ้ากลัวก็ไม่ยอมให้"ขู่"เช้าเย็นเช่นนี้หรอก..


เชื่อจริงหรือว่าจะ"ได้รับ"ความยุติธรรม.?

เชื่อจริงหรือว่าจะ"ตัดสิน"ตรงไปตรงมา.??

เชื่อจริงหรือว่าจะ"ไม่มี"อะไรที่ลับลมคมใน.???

ไม่เช่นนั้น "ธวัชชัย อนุกูล" คงไม่ต้องตายคาห้องขัง.!!!!


เพราะไม่ใช่ผู้วิเศษจึง"ต้อง"ทน..

เพราะไม่ใช่ผู้วิเศษจึง"ไม่มี"เส้นสาย..

เพราะไม่ใช่ผู้วิเศษจึง"ไม่สามารถ"เร้นกายหายไปได้..

เพราะไม่ใช่ผู้วิเศษจึงต้องให้"ผู้วิเศษ"มาข่มขู่ทุกเช้าค่ำ..


แต่ถึงไม่ใช่ผู้วิเศษก็สร้าง"ผลงาน"ที่วิเศษจนมีลูกศิษย์ไปทั่วโลก..

ลูกศิษย์ที่ไม่มีวันยอมปล่อยให้"ผู้วิเศษ"ที่ไม่เคยมีอะไร"วิเศษ"ในชีวิต..

นอกจาก"ครั้งหนึ่ง"ได้"บังเอิญ"มานั่งในตำแหน่ง..รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

มาทำ"ปู้ยี้ปู้ยำ"กับระบบความยุติธรรมในประเทศนี้.!!!!!


เด็กข้างวัด..



วันพฤหัสบดี

เกี่ยง..


ขอบคุณภาพจากมติชนออนไลน์   อ่านเพิ่ม

เห็น DSI กับ อัยการ "ทำคดี" หลวงพ่อวัดใหญ่แล้วก็ได้แต่อนาถใจ..

ทำให้นึกถึงเวลา "เด็กวัด" มีเรื่องกันแต่ไม่มีใคร "กล้า" ลงมือก่อน.. เพราะกลัว "ไม้เรียว" ของหลวงตาเจ้าอาวาส..

จึงได้แต่ "เกี่ยง" กันว่า.. แน่จริง "มรึง" ก็ชกก่อนดิ.!!!

เพราะอย่างน้อยเมื่อโดน "ไล่เรียง" แล้วยังพอ "แก้ตัว" ไปได้ว่า.. อีกฝ่ายเป็นคนเริ่ม..


ก็เพราะคดี "ฟอกเงินรับของโจร" มันไม่ชอบด้วยเหตุผล..

แถม "หลักฐาน" ก็ไม่มี.!!!!  

เพียงแต่มีคน "ไม่ชอบ" ธรรมกายอยู่เยอะ..

รวมถึง "สื่อ" ที่ไม่คำนึงถึง "จรรยาบรรณ" ขอแค่มี "เงิน" ค่าจ้างมาจ่ายให้ลูกน้องไปวันๆ..


เรื่องไม่เป็นเรื่องมันจึงถูก "สร้าง" ให้เป็นเรื่อง.!!!!

เพราะหากไม่ "รีบสร้าง" ในยุคสมัยนี้.. รอจนเมื่อความ "ยุติธรรม" มันกลับคืนมา..

รับประกันได้ว่า.. เรื่อง "ขี้หมูรา ขี้หมาแห้ง" ทำนองนี้..

คงไม่มี "โอกาส" ได้กลายเป็น "วาระแห่งชาติ" ดังปัจจุบัน.!!!


DSI รวบรวม "หลักฐาน" ที่ไม่มี "มูล" ส่งไปให้กับอัยการ..

ออกข่าว "กดดัน" ทุกวันว่า "ต้อง" สั่งฟ้อง.!!!!

โดยมี "ไพบูลย์ นิติตะวัน" เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน..

และ "ไพบูลย์ คุ้มฉายา" คอยเก็บตก "ชี้นำ" ว่าฟ้องเมื่อไร.. จับแน่ !!!



จนสังคมหลง "ไหล" ไปตามกระแสสื่อว่า "หลวงพ่อ" มีความผิดจริง..

กับ "ศรีวราห์" ที่อยากสร้าง "ผลงาน" เพื่อเป็นใบ "เบิกทาง" สู่ตำแหน่ง..

จึงคอยเอาเรื่อง "รุกป่า" มาขยายผลจนสังคม "สับสน" กับ "หน้าที่" ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์

สร้างภาพให้หลวงพ่อเป็นผู้มี "อิทธิพล" เพื่อหวังดึง "มวลชน" มาสนับสนุน.!!!


และเมื่ออัยการถูก "บีบ" มากเข้า จึงต้องออก "แถลงการณ์" ว่า ควรฟ้อง..

แต่ไม่ได้หมายถึง.. สั่งฟ้อง!!!

โดยให้ DSI ไปสอบสวนเพิ่ม.. หากมี "หลักฐาน" และ "ข้อเท็จจริง" มานำเสนอเพิ่ม..

จึงจะ "สั่งฟ้อง" เป็นลำดับต่อไป.!!!!!


พูดให้ "เข้าใจ" ก็คือ..  เมื่อมรึงเขี่ยมา กรูก็เตะกลับไป.!!! 

เพราะอะไร.???  ก็เพราะใครๆก็กลัว "ไม้เรียว" ของหลวงตาไง..

เรื่องที่ไม่มี "ความผิด" แต่คิดจะมา "ลงโทษ" โดยหวังอาศัยจับปลาตอนน้ำขุ่น..

วันใด.. น้ำมัน "ใส" ขึ้นมาใครขืน "ชกก่อน" ก็ซวยไปด้วยประการฉะนี้.!!!!


เด็กข้างวัด..


วันจันทร์

ดาหน้ามา"ดราม่า"



ขอบคุณภาพจากมติชนออนไลน์   อ่านเพิ่ม

ไม่รู้ว่าถึงเวลาต้อง "ส่งงาน" กันแล้วหรืออย่างไร.???

กับคดี "หลวงพ่อ" วัดใหญ่ที่คาราคาซังกันมาตั้งแต่ต้นปี..

จากที่เคยแยกกันเล่นตาม "ตำแหน่ง" แต่เนื่องจาก "เวลา" เหลือน้อยเต็มที..

จึง "ดาหน้า" กันออกมาหมด.. ไม่มีการกั๊กแล้วตอนนี้!!!!


พระนั่ง "รับบริจาค" อยู่ที่วัด ยังสามารถ "ยัด" ข้อหาให้ได้..  "ฟอกเงินและรับของโจร"

แต่เมื่อหลวงพ่อยัง "ป่วย" อยู่และไป "รับทราบ" ข้อกล่าวหาไม่ได้ จึงออกหมายจับ..

เป็น "หมายจับ" ที่ยังไม่ได้ไปรับทราบข้อกล่าวหา.!!!

มิใช่ "หมายจับ" ว่าได้กระทำความผิด.!!!



ไม่ผิดจะกลัวอะไร.???  ทำไมถึงไม่ไป.???

หลวงพ่อนะ "ไม่กลัว" และอยากจะไป แต่ลูกศิษย์นะ "โคตรกลัว" และไม่ยอมให้ไป.!!!!

ก็บอกว่าให้ DSI เข้ามา "แจ้ง" ข้อกล่าวหา "ในวัด" ทำไมถึงไม่ยอมมา.. DSI กลัวอะไร.???

ถ้าเข้ามาซะตั้งแต่ "เริ่มแรก" คดีก็เข้าสู่กระบวนการ "ยุติธรรม" ไปนานแล้ว.!!!!


ยิ่งมามีคดี..ถุงเท้า ..บานพับ ..ตับแตก ของ "ธวัชชัย อนุกูล"..

ผู้ต้องหาที่ "ตาย" คาห้องขัง ขณะอยู่ในความดูแล "รับผิดชอบ" ของเจ้าพนักงาน..

บนตึกที่ทำการของ DSI แท้ๆ..  อยู่ใน "ถ้ำเสือ" ชัดๆ ยังมิวายโดน "ฆาตกรรม" 

แล้วจนบัดนี้ก็ยังจับมือใครดมไม่ได้.!!!!



มันจึง "ตรง" กับที่สายรายงานมาว่า.. ห้ามมิให้พา "หลวงพ่อ" ไปที่ DSI เด็ดขาด..

ซึ่ง "ทีแรก" ก็ไม่ได้คิดว่าจะหนักหนาสาหัสขนาดนั้น.. บ้านเมือง "มีขื่อมีแป"

หาใช่ว่า "ใคร" จะทำอะไรได้ตามอำเภอใจ..

แต่มา "ตอนนี้" ชักไม่แน่ใจ.!!!!!


เพราะ DSI รู้ว่าข้อกล่าวหามัน "มิชอบ" และมิได้เป็น "ประโยชน์" ต่อสมาชิกสหกรณ์โดยตรง..

คงยากที่จะได้รับความ "ร่วมมือ" เพราะ "สมาชิก" เขาเพียงอยากได้เงินคืน.!!!

นอกจาก "สื่อ" ที่ไร้จรรยาบรรณ "บางฉบับ" ที่คอย "หากิน" กับเรื่อง "ประเภท" นี้โดยตรงอยู่แล้ว..

คอย "ประโคม" ข่าวสร้างความ "สับสน" ให้แก่สังคมหวัง "ชี้นำ" ให้เกิดความเข้าใจผิด



จึงต้องมี "หมายจับ" ฉบับที่สองและสามตามมา.. โดยมิได้หวัง "แพ้หรือชนะ" ในชั้นศาล.. เพียงแค่ให้ "เป็นข่าว" 

"สร้างภาพ" หลวงพ่อว่าเป็นผู้มี "อิทธิพล" ที่แม้แต่ "หมายศาล" ยังทำอะไรมิได้..

ลอยตัว "อยู่เหนือ" กฎหมายบ้านเมือง.. ตั้งตนเป็น "รัฐอิสระ" 

เพื่อเพิ่ม "น้ำหนัก" ให้กับข้อ "กล่าวหา" ที่ "ไม่มี" น้ำหนัก.!!!!! 


30 พย. นี้ "อัยการ" จะสรุปสำนวนคดี และ "ตัดสิน" ฟ้องหรือไม่.???

ก็เพราะรู้ว่า "พวกตน" นั้นไม่ได้มี "หลักฐาน" และข้อ "แท้" จริงในข้อกล่าวหา..

มีแต่ข้อ "เท็จ" จริงที่เพียรพยายาม "สร้าง" กันขึ้นมา..

จึงต้อง "กดดัน" อัยการด้วยวิธีการต่างๆนาๆ เพื่อให้ได้ "ผลลัพธ์" ตามที่ต้องการ..

เรื่องมันก็มี "ความนัย" อยู่เพียงแค่นี้แล.!!!!!!


เด็กข้างวัด..



มาเป็นทีม.. อ่านเพิ่ม

วันศุกร์

แม้ครั้งที่3


ขอบคุณภาพจาก SPRING NEWS   อ่านเพิ่ม

ออกข่าว "ใหญ่โต" ว่า "บุกรุกป่า" ที่ จ.นครราชสีมา สร้างสถานที่ "ปฏิบัติธรรม" เวิล์ดพีซ วัลเล่ย์ เขาใหญ่..

ก็ถ้าบุกรุก "จริง" ควรไปสั่งให้รื้อถอน.!!!!

นี่ข่าว "รื้อ" ก็ไม่มี.. แต่ข้ามขั้นไป "จับ" เลย

มันมี "นัยยะ" อะไร.???


พยายามสร้าง "กระแส" ให้ดูเป็นผู้มี "อิทธิพล" แม้จะมีหมายจับถึง "สามฉบับ" แต่ก็ยังลอยนวล..

ครั้งแรกเพราะ "ไม่ได้ไป" รับฟังข้อกล่าวหา.. มิใช่ "หนีคดี" อย่างที่ "สื่อ" บางฉบับพยายาม "เบี่ยง" ให้คนเข้าใจ..

ประโคมข่าวจนแทบจะเป็น "วาระแห่งชาติ" กับการที่ "พระป่วย" ไม่สามารถไป "รับทราบ" ข้อกล่าวหาที่ DSI..

ถึงขนาดต้อง "สนธิ" กำลังตำรวจทหาร "สองพัน" มาจัดการกับ.. พระภิกษุชราอาพาธ


เมื่อคดี "ฟอกเงินรับของโจร" ไม่สามารถ "เล่นงาน" หลวงพ่อได้เพราะมันไม่ "เมคเซ้นส์" ต่อสังคม..

กับการที่พระนั่ง "รับบริจาค" อยู่ที่วัดแล้วจะกลายเป็น.. รับของโจร

มิเช่นนั้น.. อีกหน่อยคิดจะ "ทำลายพระ" รูปไหนมันก็ง่ายนิดเดียว..

ก็เลยต้องหันไป "หาเรื่อง" อื่นๆมาเล่นเช่น.. บุกรุกป่า



เพราะคำว่า "บุกรุกป่า" มันชิง "กระแส" สังคมได้.!!!!

วัดกับป่า..มันก็ของ "คู่กัน" ตั้งแต่ก่อนจะมี "กฎหมาย" ป่าไม้..

หลวงปู่หลวงตาท่านก็ "อยู่ป่า" กันมาตั้งแต่ก่อน "ศรีวราห์" จะเกิด..

แล้วอยู่ๆจะมาไล่ท่าน "หัวซุกหัวซุน" ไปหา "จำวัด" ที่อื่น!!!!


เมื่อ "ไล่พระ" โดนกระแสสังคม "ตีกลับ" เลยหันไป "เล่นงาน" สถานที่ปฏิบัติธรรมของธรรมกายแทน..

แล้วการสร้างสถานที่ "ปฏิบัติธรรม" มันก็ต้องเลือก "ทำเล" ที่เหมาะสม..

จิตใจมันจึงจะสงบได้ง่าย.!!!!!

ก็หนีไม่พ้น "ชายป่า"


"ศรีวราห์" ลงทุน "ขึ้นฮ." ไปตรวจด้วยตัวเอง.!!!!

ถึงขนาด "รีบสั่ง" ให้ "ลูกน้อง" ไปขอหมายศาลเตรียมไว้ล่วงหน้า..

แต่สุดท้ายก็โดน "ยันกลับ" มาว่าที่นั้น "ไม่ได้" อยู่ในเขตอุทยาน..

หมายจับ "ฉบับที่สอง" ก็เลยเอวังด้วยประการฉะนี้!!!!



นี่มา "ฉบับที่สาม" โดยเปลี่ยนจาก จ.เลย มาเป็น โคราชเขาใหญ่..

แล้วครั้งนี้ก็ใช้ให้ "ข้าราชการ" ที่โดน "ไล่ออก" จากการ "ทุจริต" มา "เซ็น" ออกเอกสารว่า "รุกล้ำ" ป่าสงวน.????

แต่ก็เชื่อว่าระดับ "ธรรมกาย" แล้วไม่มีหรอกจะ "หลับหูหลับตา" สร้างโดยไม่ตรวจสอบให้ "รอบครอบ"

เพราะฉะนั้นหมายจับ "ครั้งนี้" ก็คงไม่ต่างจากหมายจับ "ครั้งโน้น"


30 พย.นี้ "อัยการ" นัดว่าจะ "ฟ้องหรือไม่" กับคดีของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น..

หลังจากที่เลื่อนมาเป็นครั้งที่ 5.. ครั้งนี้คงจะ "ไฟนอล"

แท้จริงแล้วมี "ขบวนการ" คอยทำงาน "สอดประสาน" 

เพื่อจะให้ได้ "ผลลัพธ์" ตามที่ต้องการ.!!!!


เริ่มตั้งแต่ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" จะคอยออกมา "ตีปี๊ป" เมื่อใกล้ถึงวันนัด..

กดดันให้ "อัยการ" ต้องตัดสินไปตาม "ธง" ที่ตั้งไว้.!!!!

แล้วถ้าคดี "ถูกเลื่อน" เพราะหลักฐาน "อ่อน" ทำสำนวนไม่ได้..

"บิ๊กต๊อก" ก็จะออกมา "รับลูก" ต่อว่า.. ใครถ่วง???


สำหรับครั้งนี้.. ก็ใช้ให้ "ธรรมนูญ​" พาสมาชิกมาช่วยกัน "ถือป้าย" ตามเรื่องที่ DSI..

บวกกับ "ศรีวราห์" ที่พยายามหา "หมายจับ" เพิ่มไป "เรื่อยๆ" ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับคดีสหกรณ์..

แต่เพราะทั้งหมดนี้ล้วนไป "ทางเดียว" กันทั้งสิ้น..

สรุป.. ก็เพื่อล้ม "ธรรมกาย" ให้ได้.. ส่วนว่าจะมีใครคอย "สนับสนุน" ก็คงต้องตามดูกันต่อไป

เด็กข้างวัด..





วันเสาร์

งามไส้ DSI




อ่านเจอคอลัมน์ของ "สหบาทา" ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เขียนทำนองว่า "สงสาร" สมาชิกสหกรณ์ที่จะต้องสูญเสียเงิน..

หลังจากที่อัยการสั่งเลื่อนคดี "หลวงพ่อ" วัดใหญ่เป็นครั้งที่ 5.. โดยมิได้ระบุสาเหตุ

กลัวว่าเงินที่ "สมาชิก" สู้เก็บหอมรอบริบมาตลอดชีวิตจะมลายหายวับ..

เห็นด้วยอย่างยิ่ง.!!!


เงินที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน "บริจาค" ออกไปนั้นมีมากถึง 12,000 ล้านบาท..

ไปเข้ากระเป๋า "ธรรมกาย" ประมาณ..พันกว่าล้าน

ที่เหลืออีก "หมื่นกว่าล้าน" ก็กระจัดกระจายไปตามองค์กรการกุศลต่างๆ รวมถึงสภากาชาดไทย..

ซึ่งก็สามารถตรวจสอบเส้นทางการเงินได้จาก "เช็ค" ที่สั่งจ่ายออกไป..


แต่เบื้องต้นก็ดูเหมือนว่า "สปอร์ตไลท์" จะฉายจับไปเฉพาะที่ "ธรรมกาย" จนกลายเป็นตำบลกระสุนตก..

ลูกศิษย์ทั้งหลายก็เกิดความวิตกว่า เดี๋ยว "มือที่สาม" จะฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์..

จึงได้รวมตัวกัน "ลงขัน" จ่ายคืนให้กับ "สหกรณ์" เท่ากับจำนวนเงินที่ได้รับมา..

ถือเป็น "เจ้าแรกและเจ้าเดียว" ที่ได้ "เยียวยา"ให้กับสมาชิกสหกรณ์


ซึ่งโดยตัวบท "กฎหมาย" การที่มีผู้ "บริจาค" เงินให้กับวัด..

และทางวัดก็ได้ใช้ไปในการ "สร้าง" ศาสนสถานเรียบร้อยแล้วนั้น..

ทางวัดมิจำเป็นต้อง "คืนเงิน" ให้แก่ผู้บริจาค.. และถึงแม้อยากจะคืนก็คงไม่มีจะคืน เพราะได้มาก็ใช้ไป..

แต่ด้วย "มนุษยธรรม" ศิษย์ทั้งหลายจึงกระทำหน้าที่นี้แทน.!!!




เรื่องก็ "ง่ายๆ" แล้วก็น่าจะจบสำหรับกรณีของ.. ธรรมกาย

DSI ก็จะได้มีเวลาไป "ตามหา" เงินที่เหลืออีกหมื่นกว่าล้านบาทจากผู้รับบริจาครายอื่นๆ..

แต่ไฉนกลับมิได้ทำ.. จำเพาะเจาะจงจะเล่นงานแต่.. หลวงพ่อ

ทำนองว่าเรื่องนี้ไม่ผิด ก็ไปหาเรื่องนั้นต่อ.. ไม่ยอมจบ


เล่นงาน "วัดพ่อ" ไม่ได้ ก็หันไปหา "วัดลูก"

แม้แต่วัด "หลวงตา" ก็ยังไม่ยอมเว้นจอง "กฐิน" กันจนถึงที่สุด..

มิหนำซ้ำ.. สถานที่ปฏิบัติธรรมที่สร้างขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย.. 

ยังมิวายเอาข้าราชการที่โดน "ไล่ออก" จากการทุจริตมา "รังวัด" เซ็นต์ว่ามีการบุกรุกป่า


แล้วก็อาศัยสื่อ "ขาประจำ" เที่ยวเขียนข่าว "มั่วๆ" โยงไปโยงมาให้สังคมสับสน.. 

สร้างภาพธรรมกายว่าเป็นผู้มี "อิทธิพล" ขนาดสั่งอัยการให้ "เตะถ่วง" ได้..

ก็ถ้า "สั่งได้" ขนาดนั้น จะรอจนเรื่องบานปลายมาขนาดนี้ทำไม "ตัดไฟเสียแต่ต้นลม" ไม่ง่ายกว่าหรือ..

ดีที่ "กระแส" ปลุกไม่ขึ้น.. เพราะคนเดี๋ยวนี้ ก็มี "ช่องทาง" การรับข้อมูลข่าวสารหลากหลาย..

ไม่สามารถ "ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้" เหมือนสมัยก่อนๆ


ธรรมกายถ้าผิดจริง.. ก็คงไม่สามารถ "ฝ่าลมฝน" มาจนเป็นเวลาถึงสี่สิบกว่าปี..

พลิกผืนดินจาก "ทุ่งนาฟ้าโล่ง" จนมาเป็น "ศูนย์กลาง" ของพระพุทธศาสนาโลก..

ชีวิตคนเราก็แค่ไม่กี่สิบปี แถม "ท่านๆ" ทั้งหลาย ก็เป็นดั่ง "ไม้ใกล้ฝั่ง" เต็มที..

ไม่ได้ "สร้างคุณ" ให้แก่พระศาสนา ก็อย่าถึงกับได้ชื่อว่า "ทำลาย" สิ่งที่บรรพบุรุษสละเลือดเนื้อ "รักษา" กันมา..

ให้ลูกหลานในอนาคตมัน "ตราหน้า" ว่าก็ "พวกนี้" แหละที่ทำให้ "พระพุทธศาสนา" เกือบจะล่มสลายไปเมื่อหลายปีก่อน

เด็กข้างวัด..





วันพุธ

สองไพเบี้ย




พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง..

สองไพเบี้ยหรือจะสู้สองไพบูลย์.. ไพบูลย์ นิติตะวัน กับ ไพบูลย์ คุ้มฉายา

เพียงแต่สองไพบูลย์นั้นทั้ง "ไม่นิ่ง" และก็ "ไม่เงียบ"

หนึ่งชง.. หนึ่งตบ.. เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย!!!


ก่อนอัยการจะสั่งเลื่อนคดีหลวงพ่อวัดใหญ่ จ.ปทุมธานี  "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ก็ออกมากดดัน.. ทำนองว่า คดีจะต้องสั่งฟ้องแน่นอน

แต่หลังจากอัยการ "ขอเลื่อน" ไปปลายเดือน.. ก็ถึงคราว "ไพบูลย์ คุ้มฉายา" ออกมาทำเป็น "สงสัย" ว่าใครทำให้เลื่อน

ก็ไม่แปลกใจ.. เพราะ "คู่นี้" เขาแท็คทีมกันมาตั้งแต่ต้นปี..จากคดี "รถหรู" ของสมเด็จฯวัดปากน้ำ.. 


ต่อมาก็คดีสหกรณ์ของหลวงพ่อวัดใหญ่ ทำราวกับว่า "ตัวเอง" สูญเสียเงินไปหลายล้าน.. 

ทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว..

จนถึงขนาดทางผู้บริหารสหกรณ์ยังสังสัยว่า.. who are you?

ไม่รู้เหมือนกันว่า "ไพบูลย์ นิติตะวัน" นั้น ทำมาหากินอะไร.??? 




ช่วงทำ "ประชามติ" รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็เคยออกมาโหนกระแสเรื่องตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุน "ลุงตู่" เป็นนายก..

ล้วนแล้วแต่ "ไม่เกี่ยวขอเอี่ยวด้วย" ทั้งสิ้น.. 

เพียงหวังให้ "มีชื่อ" ติดหน้าสื่อไว้เป็นระยะๆ เผื่อว่าใครจะ "ใช้งาน" จะได้พออ้างว่ายังมีเครดิต..

แต่แผลเก่า ทั้งปล่อยกู้ 36 ล้านให้บริษัทภรรยา อีกทั้งคดีสนับสนุนกบฏก็ยังเป็นชนักปักหลังอยู่.!!!



ส่วนอีก "ไพบูลย์" ตั้งแต่รับตำแหน่ง ก็ไม่เห็นมีไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากเรื่องรถหรูของสมเด็จฯวัดปากน้ำ..

ที่คอยรับลูกต่อมาจาก "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ทำงานสอดประสานกัน..

กับอีกเรื่องที่ไม่รู้ใช้ส่วนไหนของร่างกายคิดคือ.. ทำยาบ้าให้ถูกกฎหมาย.!!!!


เรื่อง "เน่าๆ" ภายใน DSI แทนที่จะเข้าไปตรวจสอบในฐานะ "หัวหน้า" กับปล่อยปละละเลย..

ก่อนอื่นช่วยไปเรียก "อธิบดี" DSI มาถามเรื่องคดี "ตับแตก" ของคุณธวัชชัย อนุกูล.. 

ที่ต้อง "เสียชีวิต" คาห้องขังบนชั้น 6 ตึก DSI ก่อนดีไหม???

เคลียร์จบเมื่อไร.. แล้วค่อยไปถามเรื่องคดีของหลวงพ่อวัดใหญ่.!!!!!

เด็กข้างวัด..