วันจันทร์

พระเจดีย์


มหาธรรมกายเจดีย์ ประดิษฐานพระพุทธรูปหนึ่งล้านองค์


"คนไทย"จะไม่ค่อย "ติพระ" เพราะปู่ย่าตายาย ท่านห้ามไว้ว่ามัน บาป!!!

นายช่างทองทะเลาะกับภรรยา แค่พูด "แดกดัน" ภรรยาตัวเองต่อหน้าพระว่า "เธอจงโยนพระศาสดาของเธอลงน้ำไปเสีย" แต่พอ "ได้สติ" ก็รีบ "กราบขอขมา" ที่แทบเท้าของพระเถระ ที่มาชวนสร้างเจดีย์

พร้อมกับทำหม้อดอกไม้ทองคำ 3 หม้อ ไปบูชาในเจดีย์ที่บรรจุ "พระธาตุ" แล้วขอให้พระศาสดาทรง "อดโทษ" เพราะเหตุเกิดหลัง "พุทธปรินิพพาน" ไปแล้ว

แม้จะได้ "สมาลาโทษ" ต่อทั้งพระภิกษุ และ พระเจดีย์แล้ว แต่ "วิบากกรรม" ยังส่งผลให้ต้องถูก "ลอยน้ำ" ตั้งแต่เป็นทารกแรกเกิด อยู่หลายภพหลายชาติ

เจดีย์เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงพระพุทธองค์ ตลอดจนพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ยิ่งถ้าบรรจุ "พระบรมสารีริกธาตุ" ด้วยแล้ว ก็ยิ่งแทบไม่ต่างกับได้ "เข้าเฝ้า" ต่อพระบรมศาสดา

การ "เรียกหา" พระเจดีย์ ในเชิงดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือแม้แต่เอา สนุกสนาน เฮฮา ก็เป็นสิ่งที่ชาวพุทธ "ไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง"

"ติพระ"แค่องค์เดียว ท่านยัง "ห้ามนักห้ามหนา" แล้วพระพุทธรูปตั้ง "ล้านองค์" วิบากกรรมมันจะ "หนัก" ขนาดไหน

รูปทรงของเจดีย์ ก็ไม่ได้มีการกำหนดไว้ว่า จะต้องเป็น "แบบนี้" เท่านั้น ขึ้นอยู่กับ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม ตลอดจน"ภูมิประเทศ" รวมถึง"การใช้งาน"

ช่างทองแค่ประชดภรรยาตัวเองว่า "ให้ลอยน้ำ" ยังโดน "ลอยแพ" ตั้งแต่เกิด "มาตลอด" แต่ที่ "รอด" มาได้ ก็เพราะได้ไป "กราบขอขมา"

ส่วนพวกที่ชอบพูดเอาฮาว่า "จานบิน" ก็ระวังไว้ว่า ชาติต่อๆไป คลอดออกมาแล้ว จะได้ "บินลงมาจากฟ้า" แต่ก็คงไม่ใช่ลูกหลานเทวดา เพราะมันอาจจะเป็นยอดตึกชั้นที่ 15 แล้วจะหาว่าหล่อไม่เตือน

เด็กข้างวัด

วันพุธ

"ที่นี่"ที่เดียว





DSI ได้ส่งคดีเลขที่ 146/2556 ให้แก่อัยการแล้ว.... ก็คือคดี "หลวงพ่อ" กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น....

อัยการพิจารณาแล้ว.... สั่ง DSI ให้ไปสืบสวนเพิ่ม เพราะสำนวนที่ส่งมา "อ่อน" ฟ้องไม่ได้....

ถ้าได้ข้อมูลอะไร "เพิ่ม" ให้ DSI ส่งกลับมาให้ "อัยการ" ถ้าต้องการจะให้คดีเดินหน้าต่อ....

DSI รู้ว่าต่อให้ "สืบอีกสิบปี" ก็ไม่ได้อะไรมากไปกว่าเดิม เพราะคดีมัน "ไม่มีมูล" ....มันจบแล้วครับท่าน!!!

แล้วทำไงหละถึงจะ "จัดการ" กับหลวงพ่อได้....

งั้นก็ใช้วิธี.... "เหล้าเก่าในขวดใหม่" หาคนมาฟ้องซ้ำอีกที ตั้งเป็นคดีใหม่คือคดีเลขที่ 27/2559

แต่คราวนี้ขอ "ชงเองกินเอง" คือรีบ "ยัดเยียด" ข้อหา "ฟอกเงินและรับของโจร" ให้แก่พระภิกษุเป็น "คดีแรกของโลก"

อัยการ "สั่ง"ให้ไปสืบสวนเพิ่มแต่นี่ "พี่แก" เล่น "ตั้งใหม่" แล้วฟ้องเลย.... 

เพียงแต่เปลี่ยนชื่อ "ฉลาก" ใหม่ให้ดูไฉไลหวือหวา....ไม่ยอมจบครับท่าน!!!

ถึงแม้จะมี "ข้อมูล" เพิ่มเติม....

DSI ก็ต้องส่งให้ "อัยการ" จะมาตั้งเป็นคดีใหม่หวังจะ "เล่นเอง" มิได้....

ที่มิยอม "มอบตัว" มิใช่ "เกรงกลัว" ว่าจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาล....  

แต่เป็นเพราะไม่ยินยอมที่จะมาทำให้กฎหมายขาดความ "ศักดิ์สิทธิ์"

ในเมื่อเป็น คดีแรกของโลก หากยอมให้ใช้กฎหมาย บิดเบี้ยว แล้วพระหนุ่มเณรน้อยที่ตามมาในภายหลังจะบำเพ็ญ "สมณธรรม" ให้สงบกันได้อย่างไร

อีกหน่อยจะ "ทำลาย" พระสงฆ์ซักองค์ก็แค่ "หาโจร" ไปถวายปัจจัยท่านที่วัดแล้วก็ "ให้ใคร" ไปแจ้งความ....จบไหมท่าน!!!

วัดพระธรรมกายไม่เคยคิดจะตั้งตนเป็น "รัฐอิสระ" หรือทำตนอยู่ "เหนือกฎหมาย"

แต่เราขอยืนหยัดอยู่บน "ตัวบทกฎหมาย" ที่ถูกต้องด้วย "นิติรัฐและนิติธรรม"

สิ่งที่เราทำเพราะต้องการวางบรรทัดฐาน วางเป็นแนวทางปฏิบัติให้ถูกต้อง มิยอมให้ใครมา "รังแกพระ" ได้ง่ายๆ....

และเหนือสิ่งอื่นใดเราจะไม่ยอมให้ "พระพุทธศาสนา" มาล่มสลายในยุคของเรา!!!

เด็กข้างวัด


วันจันทร์

"คน"อย่างนี้ก็มีในโลก




ถ้าคุณเจอคนแบบ "พระเวสสันดร" ที่มีมาในชาดกมา "ปรากฎ" ต่อหน้า คุณจะมีความเห็นอย่างไร?

1.ว่าเขาเสียสติ
2.ว่าเขางมงาย
3.ยกย่อง
4.ศรัทธา
5.ไม่รู้ซิ

อย่าถามเลยว่า "คิดอย่างไร" บางคน "ไม่เชื่อ" ด้วยซ้ำว่าจะมี "คนอย่างนี้ในโลก"

"พระเวสสันดร" ท่านเป็น "พระโพธิสัตว์" จึงคิดว่า "ชาตินี้ ก็แค่ หนึ่งชาติ" ในการ "เวียนว่ายตายเกิด" อีก "นับภพนับชาติ" ไม่ถ้วน

เป้าหมายชีวิตของท่านจึง "ชัดเจน" ว่า "จะสร้างบารมี" เพื่อ "ตรัสรู้" เป็น "พระพุทธเจ้า"

"สมบัติทั้งหลาย"ประดามี จึงเป็นเหมือนดั่ง "ธุลี" ที่มิได้มีค่ามากไปกว่า "อุปกรณ์" สำหรับ "สร้างความดี"

แต่คนอย่างเราๆ "ชีวิตคือการต่อสู้ หรือ ชีวิตคือการแสวงหา" หรือไม่ก็ "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน" ก็ยังดี ดีกว่าพวก "ค่าของคนอยู่ที่เป็นคนของใคร"

DSI จะได้อะไร จากการที่จะ "จับสึก" หลวงพ่อธัมมชโย ก็ยังมองไม่เห็นซักข้อ นอกจากได้ความ "สะใจ" ที่ได้เอาชนะ "พระชรา" เพราะไม่เคยคิดว่า คนที่ "ทำความดีเพื่อความดี" นั้นมีอยู่จริง

"ความคิดมันคนละมิติ  ระดับจิตมันก็คนละชั้น" เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราคิด เขาอาจไม่คิด หรือ สิ่งที่เขาเป็น เราอาจเป็นไม่ได้  ก็อย่าเพิ่งด่วน สรุปว่า "คนดีๆอย่างนี้ไม่มีในโลก"

เด็กข้างวัด



วันพุธ

หมูเขี้ยวตัน




คุณคน "D" เคยทำคดีเรื่อง "หลวงพ่อธัมมชโย" มาแล้วตั้งแต่ปี 2556  สอบสวนอยู่ "นานสองนาน" รวมรวบสำนวนอยู่อีก "สามสี่นาน"

เมื่อคิดว่าสำนวนพร้อมก็ส่งถึงมืออัยการ นั่งรอนอนรอว่าเมื่อไรอัยการจะสั่ง "ฟ้อง"

แต่ฝ่ายอัยการพิจารณาแล้วก็เห็นว่า สำนวน "อ่อนอ่ะ" ขืนไปร่วมหอลงโลงด้วย มีหวังจอดมิต้องแจว

คุณคน "D" จึงเอาบทเรียนครั้งนั้นมา ทำใหม่ คราวนี้จะต้อง "ตั้งข้อหา" ก่อนส่งให้ "อัยการ" อย่างน้อย "หลวงพ่อ" ก็ต้องตกเป็น "ผู้ต้องหา" และเชื่อว่าครั้งนี้จะต้อง "เสร็จโก๋"

ที่ไหนได้ "ศิษย์วัด" รู้ทัน  ที่คิดว่า "หวานหมู" เลยกลายเป็น "หมูเขี้ยวตัน"

เอาซิครับคราวนี้ ไอ้ที่คิดว่าจะ "จัดการ" กันได้ง่ายๆเนียนๆ เลยกลายเป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าว "ใหญ่โต"

สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า "ลัก" จึงกลายเป็น "ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่"

จากที่ควบคุมทุกอย่างอยู่ในมือ ทั้งกลไก "รัฐ" ทั้ง "สื่อมวลชน" ก็เริ่มมี "คนเห็น" ถึงความไม่ชอบมาพากล ง่ายๆก็เลยไม่ง่าย

แต่อย่างว่า "เลือดเข้าตา" แล้วอ่ะ กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง เหมือนมีอะไรที่ดึง ไม่ให้เราเลือกทางใด

บุญไม่มา ปัญญาไม่ช่วย.. อยู่ดีไม่ว่าดี ไปหาเรื่องกับพระกับเจ้า บุญชาติไหนๆก็ไม่มาหรอก.. แถม "ตัว" ปัญญาที่ไปตามมาช่วย ดูหน้าแต่ละคนแล้ว ก็คงได้แต่ช่วยให้ "ลงไปลึกๆ"

อีกไม่นานก็คงรู้ ถ้ายังไม่รีบเลิก กลับตัวกลับใจซะใหม่ ถึงคราวซวย  ที่ป่วยก็จะหนัก ที่รักก็จะหน่าย แล้วถึงตอนนั้น ก็คงไม่ใช่แค่ "สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ" อย่างที่เคยคิดแล้วหละครับ

เด็กข้างวัด


วันศุกร์

พระเทวทัตตัดสินคดี




"ภิกษุณี"ในสำนักพระเทวทัต"ตั้งครรภ์"ขึ้น เพื่อนภิกษุณีได้แจ้งแก่พระเทวทัต เพื่อให้ตัดสินความ... พระเทวทัต"ตัดสิน"ให้เธอ"สละสมณเพศ" สึกออกไปเสียจากสำนักเพราะ ไม่มีความรู้ในการพิจารณา

นางจึงกล่าวว่า "ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ดิฉันไม่ได้บวชอุทิศตนต่อพระเทวทัต แต่ดิฉันบวชอุทิศตนต่อพระบรมศาสดา ดังนั้น ขอท่านทั้งหลายจงพาดิฉันไปสู่สำนักของพระบรมศาสดาด้วยเถิด"

ตอนหลังความจึงแจ้งกระจ่าง ว่านางได้ตั้งครรภ์มาตั้งแต่ก่อนจะบวช โดยพระอุบาลีเชิญ"ผู้เชี่ยวชาญ" ด้านนี้  คือนางวิสาขามหาอุบาสิกา มาร่วมกันพิสูจน์ "ชำระอธิกรณ์" เรื่องนี้ให้ชัดเจน

แน่นอน การจะ "ยืนยันถึงความบริสุทธิ์" ต้องมี "กระบวนการพิสูจน์" ทำความจริงให้กระจ่างชัด คลายข้อสงสัยแก่คนทั่วไป

แต่กระบวนการพิสูจน์นั้นต้อง "ถูกต้องและชอบธรรม"  มิใช่ดั่งเช่นพระเทวทัต ที่รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว "ตัดสิน" ไปตาม "ความรู้ความเข้าใจ" ของตัวเอง 


ภิกษุณีตั้งครรภ์ ก็ต้องอาศัยผู้ "เชี่ยวชาญ" เช่นนางวิสาขามาเป็นผู้พิจารณา เพราะนางมี บุตร-ธิดา ถึงยี่สิบคนย่อม "มากด้วยประสบการณ์"

คดีที่เกิดขึ้นแก่สงฆ์ ก็ต้องฟังความจากสงฆ์  มิใช่เอา"ฆราวาส" ที่ความรู้ก็ไม่มี ความดีก็ไม่เคยปรากฎ  มาคอย "ชี้นำ" มาเป็นที่ "ปรึกษา"

เลิกพูดกันซะทีเถอะว่า ขอให้หลวงพ่อธัมมชโย เข้าสู่กระบวนการ "ยุติธรรม" เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ในเมื่อ "กระบวนการ" นั้นมันเปรียบกับ "พระเทวทัต" ตัดสินคดี

เด็กข้างวัด


วันพฤหัสบดี

เก่งจริงเก่งจัง





วัดที่ "ดัง" โดยพระพุทธรูปหรือพระประธาน เช่น "พระแก้วมรกต" "พระพุทธชินราช" หรือ "หลวงพ่อโสธร"

คนมัก "ศรัทธา" ในความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูป ซึ่งถือว่าเป็นของคู่บ้านคู่เมือง.... 

การบริจาคก็ "หยอดตู้" แล้วแต่กรรมการวัดจะนำเงิน "ไปใช้" เรื่องอะไร....

อีกประเภทคือ "ดัง" โดยพระสงฆ์ เช่น "หลวงพ่อจรัญ" "หลวงพ่อคูณ" และ "หลวงพ่อธัมมชโย"

ผู้คน "ศรัทธา" ในคุณธรรมและคุณวิเศษของท่าน และอยากจะถวาย "กับมือ" หลวงพ่อ.... 

ไม่ได้อยากจะ "ทำบุญ" ให้กรรมการ...!!!

ส่วน "หลวงพ่อ" จะ "จัดการ" อย่างไรก็แล้วแต่ท่าน...!!!

ถ้าคุณเคย "ศรัทธา" ในพระสงฆ์ จะรู้ซึ้งถึงความแตกต่าง 

ว่าการ "หยอดตู้" กับการถวาย "หลวงพ่อ" มันต่างกันอย่างไร....

คดีของ "หลวงพ่อ" จึงเป็นคดีที่ "มิชอบ"

ไม่ว่าจะปี 2542 ที่พยายามอ้างกันถึงเรื่อง "ถือครอง" ที่ดิน....

หรือปี 2559 นี้ ที่ยังจะพยายาม "ยัดเยียด" เรื่อง "เงินๆทองๆ" ซ้ำๆซากๆ ไม่รู้จบ....

คนที่ไม่ชอบวัดพระธรรมกาย "ยกไว้" เพราะถึงอย่างไรก็คงไม่เข้าใจ หรือไม่ยอมจะเข้าใจ....  

แต่อยากสื่อถึงคนที่คิดว่าตัวเองยัง "กลางๆ" แต่ก็ชอบพูดว่า อย่าให้ "ศรัทธาอยู่เหนือกฏหมาย"

วิชาความรู้ในโลกนี้ยังมี "อีกมาก" ที่เรายังไม่ได้เรียนรู้....   

เราส่วนใหญ่ก็ "แค่รู้" ในสิ่งที่เรา "ต้องใช้" และสนใจ.... 

เราเชื่อว่าพวกคุณก็ "เชี่ยวชาญ" ในวิชาชีพของคุณ....  

แต่เราก็ "มั่นใจ" ว่าเราก็ "รู้เรื่อง" พระพุทธศาสนาไม่น้อยไปกว่าคุณ....

เพราะฉะนั้น "ได้โปรด" อย่าแสดง "ความเห็น" ที่มันจะบ่อนทำลายศรัทธา.... 

จะทำลาย "พระพุทธศาสนา" เพียงแค่เพราะคุณ อ่านเอาจากสื่อ ฟังเอาจากข่าว แล้วมา "สรุปเอาเอง" เลยนะครับ

เด็กข้างวัด