วันพุธ

เอาที่สบายใจ




"พระเมธีธรรมาจารย์" หรือเจ้าคุณ ประสาร จนฺทสาโร 

ผู้ช่วยเจ้าอาวาส "วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร"

ถูกแจ้งข้อหา "อั๊งยี่ ซ่องโจร" โดยพระสุวิทย์ วัด อ้อน้อย

*
*
เดี๋ยวนี้จะมีซักกี่คนรู้จัก "พระอารามหลวง" ระดับ "ราชวรมหาวิหาร"

ทั้งประเทศมีแค่ 7 วัดนะครับ.. ขอบอก

แล้วก็ไม่มี วัดอ้อน้อย ด้วยนะเตง

*
*
จะมาถึง "ระดับนี้" ย่อมไม่ใช่ ไก่กา

ยิ่งไม่ใช่ "คุณขอมา"

แต่ต้อง "คุณภาพ" ล้วนๆ

*
*
แถมเป็นถึงรองอธิการบดีของ "มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย"

แค่ชื่อก็รู้แล้วว่า เสด็จ ร.5 ทรงสถาปนาขึ้น..!!!

ดับเบิ้ลสแตนดาร์ด "การันตี" ถึง ความสามารถ

..............................

ใครที่ไม่ "ให้เกียรติ" ท่านก็มิสมควรจะได้ "รับเกียรติ" เช่นกัน...

ใครที่กล่าว "จาบจ้วงล่วงเกิน" ไม่ว่าแง่ใด...

ท่านกำลัง "หมิ่น" ต่อบรรพบุรุษ...

*
*
รูปหนึ่งตั้งหน้าตั้งตาทำงาน "พระศาสนา"

รับเป็นธุระ "ปกครอง" ดูแลวัดระดับ "พระอารามหลวง"

เป็นทั้ง "พระอาจารย์" อบรมให้ความรู้ "พระภิกษุสามเณร"

ในระดับ "มหาวิทยาลัยสงฆ์" ที่ "เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน" ตั้งขึ้น

*
*
อีกหนึ่งนั้นก็ "ตั้งหน้าตั้งตา" เหมือนกัน...

แต่เป็นงาน "การเมือง"

ปิดถนน.. ก่อม๊อบ.. ยึดสถานที่ราชการ.. ไถตังค์ก็ทำมาแล้ว

*
*
ประเทศชาติที่เคย "สงบสุข" ร่มเย็น

เป็นที่ "อิจฉา" ของนานาประเทศ

แต่ตอนนี้ถูกมองด้วยความ "สมเพช"

*
*
"มงคลชีวิต" ข้อแรกที่ "พระพุทธเจ้า" ทรงตรัสก็คือ... 

"อเสวนา จ พาลานัง"

ไม่คบคนพาล..!!!

*
*
ถ้าผู้มี "อำนาจ" ยังไม่เปลี่ยน "มุมมอง" แนวคิด...

มองผู้ที่ "คิดต่าง" เป็นศัตรูไปหมด...

แล้วยัง "ใช้บริการ" บุคคลเหล่านี้...

ก็เห็นทีว่า "สยามเมืองยิ้ม" ก็คงจะเหลือแต่ใน "ตำนาน"

เด็กข้างวัด..



ขอบคุณภาพจากมติชน คลิ๊ก




วันศุกร์

"เด็ก"ยังรู้




วันนี้หน้าข่าวมีแต่ "รถหรู" สมเด็จฯ

เกิดมาก็เพิ่ง "รู้" ว่าแบบนี้เรียกรถหรู..!!

ได้ยินแต่.. รถโบราณ รถคลาสสิค รถเก่า..!!!

....................

แต่อย่างว่าหา "คดี" อะไรไม่ได้แล้ว..

สมมุติว่าสมเด็จฯ ไม่ได้สะสม "รถ" แต่เป็น "เกวียน"

จะโดน "ข้อหา" อะไร..???

....................


เขา "รู้" กันทั้งบ้านทั้งเมือง..!!

ว่าเกี่ยวกับ "เจ้าอาวาส" วัดพระธรรมกาย..!!

มันเรื่อง "การเมือง" ล้วนๆ..!!!

.....................

ไม่ตั้งเป็น "สังฆราช" ก็ไม่ต้องตั้ง..!!

แต่ไม่ต้องหา "มลทิน" มายัดเยียด..!!

ฟัง "ข้อหา" แล้วบอกตรงว่า "อาย"..!!!

.......................

สาเหตุคือเป็น "อุปัชฌาย์" ของหลวงพ่อธัมมชโย..

เมื่อไม่สามารถ "สั่ง" ท่านให้ "จัดการ" ลูกศิษย์ได้..

เลยลงโทษ "อาจารย์" แทน..!!!!!

เด็กข้างวัด




วันอาทิตย์

อำนาจ



หลวงตาอยู่มาเกือบสามสิบปีโดน"เชิญ"ให้ออกจากวัด

กิเลส 3 ตระกูล โลภะ โทสะ โมหะ นั้น ท่านกล่าวว่า....

"โมหะ" ความหลงนั้น "โทษมาก คลายช้า"   

หลงทางเสียเวลาหลงติดยาเสียอนาคต ก็ว่า "ย่ำแย่" แล้ว....

แต่ก็ยังเบากว่าหากจะเทียบกับหลงใหลใน "อำนาจ"

..............

เพราะการ "ใช้" อำนาจไปในทางที่ผิด....

ย่อมก่อ "ทุกข์" ทั้งแก่ตนเองต้อง "ทุรนทุราย" กระสับกระส่าย....

แล้วยัง "เบียดเบียน" ผู้อื่นให้ได้รับความ "ทุกข์ยาก" ลำบาก.... 

เพราะทั้งๆที่รู้ว่า "ถูก" ก็ต้องหาทางทำให้ "ผิด"

แล้วใจมันจะเป็น "สุข" ได้อย่างไร..!!!

..............

บ้านเมืองที่ "วุ่นวาย" อยู่ทุกวันก็เพราะความ "หลง" นี่แหละ....

แบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งฝักแบ่งฝ่าย....

ลำพังแค่ความเห็นต่างทาง "การเมือง" ก็สุดจะทนแล้ว....

ตอนนี้ยังพยายามจะลากเอา "ศาสนา" เข้าไปด้วย..!!!

..............

"หลวงตา" อยู่วัดมาจะสามสิบปี "ดีกัน" กับป่าไม้....

น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า..!!!

"วิสุงคามสีมา" ก็ได้มา

แต่ว่าเมื่อเป็น "ธรรมกาย" ก็มิวายต้อง....

..............

"นักธุรกิจ" ผู้ประสบความ "สำเร็จ" ในทางโลก....

เกิด "เบื่อหน่าย" หันหน้าเข้าหาพระธรรม....

"อุทิศตน" ไปพัฒนาวัดป่าวัดดอยในถิ่นทุระกันดาร....

จนได้รับรางวัล "นักพัฒนา" มากมาย..!!

แต่ว่าเมื่อเป็น "ธรรมกาย" ก็มิวายต้อง....

อ่านเพิ่มเติม

..............

"อำนาจ" หากใช้ไปทางที่ "สร้างสรรค์" ก็จะนำพาประเทศชาติไปสู่อนาคตที่สดใส....

แม้ผู้ใช้เองก็มีแต่ความ "ภาคภูมิใจ"

ว่าได้ใช้ "มัน" อย่างถูกต้องตามหลัก "นิติรัฐและนิติธรรม"

..............

เรื่องบางเรื่องก็ต้องใช้ "นิติศาสตร์"

เรื่องบางเรื่องก็ต้องใช้ "รัฐศาสตร์"

โดยเฉพาะอะไรที่เกี่ยวกับความเชื่อ หรือ "ศรัทธา"

ซึ่งก็มี "ตัวอย่าง" ให้เห็นมาแล้วทั่วโลก..!!!

..............

ก็ได้แต่หวังว่า "ฟ้าจะมีตาเทวดาจะดลใจ" ปัดเป่าเภทภัยในครั้งนี้ไปได้....  

อย่าให้ต้องมีการ "เสียเลือดเสียเนื้อ" เพื่อว่า "วิญญาณปู่" จะได้ไม่ต้องมาร้องว่า "ไอ้ลูกหลาน...."


เด็กข้างวัด



วันศุกร์

ไม่สร้างไม่ว่าอย่าทำลาย...





อดีตเมื่อเสร็จศึก "สงคราม" กลับสู่ราชธานี "ผู้นำทัพ" มักจะนิยมสร้างวัด....

บ้างก็ "กษัตริย์" สร้าง บ้างก็ "แม่ทัพ" สร้างโดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ....

เพื่อเป็นการ "สืบทอด" อายุพระพุทธศาสนา 

เพราะ "วัด" เป็นที่อยู่จำพรรษาของ "พระ" มีวัดก็ย่อมมีพระ.... 

และเมื่อยังมี "พระสงฆ์" พระพุทธศาสนาก็ยัง "สืบทอด" ต่อไปได้

รวมทั้งเป็นการสร้าง "บุญกุศล" ที่ยิ่งใหญ่

น้อม "อุทิศ" ไปให้แก่ผู้ที่ "เสียชีวิต" ในสงคราม

ทั้งฝ่าย "เราและศัตรู" จะได้ไม่ "จองเวร" กันข้ามชาติ..!!

จึงได้เกิดวัดวาอาราม "สวยงาม" มากมาย เป็นที่เชิดหน้าชูตา "ตกทอด" มาถึงรุ่นเรา

..............

ปัจจุบันนั้นนอกจากจะ "ไม่สร้าง" แล้วยังคิด "ทำลาย"

เบื้องต้นเหมือนจะ "มุ่งเป้า" มาแค่วัดพระธรรมกาย....  

แต่บั้นปลายนั้นก็คือ "ทำลาย" พระพุทธศาสนาทั้งระบบ

...............

พระสงฆ์นั้นเป็นเพียงแค่ผู้ที่เห็นภัยในวัฏฏสงสาร..!!  

ตั้งใจจะบำเพ็ญ "ประโยชน์ตน" และ "ประโยชน์ท่าน" ให้ถึงพร้อม....

..สัพพะทุกขะนิสสะระณะ นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ..

..ข้าพเจ้าขอออกบวชเพื่อสลัดตนจากกองทุกข์และทำพระนิพพานให้แจ้ง..

...............

บุคคลใด "สนับสนุน" การบวชหรือยัง "พระพุทธศาสนา" ให้ธำรงตั้งมั่นก็ย่อมจะได้รับ "อานิสงส์" จะนับจะประมาณมิได้....

ย่อมมีความสุขใน "ภพทั้งสอง"..คือปัจจุบันชาติก็ "อิ่มอกอิ่มใจ" ไปไหนมาไหนก็แคล้วคลาดปลอดภัย....

แตกกายทำลายขันธ์แล้ว.. ก็เข้าถึง "สุขคติ" เสวยสุขในทิพยวิมานอันตระกา

ส่วนว่า "มันผู้ใด" แล้วไซร้ "คิดร้าย" ต่อพระพุทธศาสนาหรือแม้เพียงต่อ "สาวก" ของพระตถาคตเจ้า

ก็พึง "สังวร" ไว้เถิดว่า "อันตรายจะเป็นอันตราย ต่อผู้ทำอันตรายแก่ผู้ที่ไม่เป็นอันตราย"

แม้ตายไปแล้วก็ยังต้องตกไปสู่อบาย ทุคติ วินิบาต นรก เปรตอสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน.. มิได้ผุดเกิดกันเลยทีเดียว

เด็กข้างวัด
เฮ้อ..พ่อสอนมาดี นึกคำด่าไม่ออก ด่าได้แค่นี้แหละ





วันอังคาร

"ตาต่อตา"




เมื่อปี 2542 วัดพระธรรมกายก็เคยโดน "ยัดเยียด" ข้อหาแบบวันนี้ เรื่องก็ไม่มีอะไรใหม่ "เงินๆทองๆ" ซ้ำๆซากๆ....

จะว่าไปแล้วก็โดนมาตั้งแต่สร้างวัดเมื่อปี 2513....

คอมมิวนิสต์....    สะสมอาวุธ....    รังแกชาวนา....    สร้างใหญ่โต....

วันนั้น "อินเตอร์เน็ต" ยังไม่ได้แพร่หลายอย่างเช่นปัจจุบัน ประชาชนยัง "เสพสื่อ" กันทางหนังสือพิมพ์เป็นหลัก ทีวีก็มีให้ดูแค่  3 5 7 9 อยู่ไม่กี่ช่อง....

พูดให้ง่ายก็คือ "คุมสื่อ" ได้ก็ชนะ จะเป็นคดี "ตีหัวสุนัข" หรือ ผรุสวาทมารดาจีน "หามูลไม่ได้" แต่หากโหมประโคมข่าวกันทุกวัน "ถูกก็เป็นผิด ขาวก็เป็นดำ"

"วัดพระธรรมกาย" ก็เปรียบเหมือนนักมวยที่โดนกรรมการ "มัดมือมัดเท้า" แล้วปล่อยให้คู่ต่อสู้ "ชกอยู่ฝ่ายเดียว" หมัด เท้า เข่า ศอก ประเดประดัง มิหนำซ้ำยัง "ตัดสิน" แบบเอียงกะเท่เร่

ถ้าไม่ได้ยืนอยู่บนความถูกต้องหรือเที่ยงตรงในพระธรรมวินัย เกิดมีข้อผิดพลาดแม้ซักกระผีกริ้น วัดพระธรรมกายป่านนี้โดนน็อคไปนานแล้ว!!!

ดีที่คู่ต่อสู้ "ถลุงอยู่ข้างเดียว" จนตัวเองก็ "หมดแรงหมดงบ" ไปหลาย เลยรามือไปเอง....

แต่วันนี้มิใช่วันนั้น "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน" มิใช่หมายความว่าจะไปสู้รบปรบมือ ตีรันฟันแทง ด้วยปืนผาหน้าไม้หรืออาวุธยุทโธปกรณ์อะไร....

เพียงแต่สู้ด้วยข้อ "แท้จริง" และ "ยืนยันบนความบริสุทธิ์" ผ่านสังคมออนไลน์ ผ่านระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ค ให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็น "ความจริง" เผยแผ่สู่สาธารณชน

ให้สังคมได้รับข้อมูลทั้งสองด้าน แล้วใช้ "สติปัญญา" พินิจพิจารณา  ว่าอะไรเป็นอะไร ให้รู้ "ที่ไปที่มา" ของความไม่ชอบมาพากล....

เพียรพยายามจะสร้าง "มลทิน" แก่พระมหาเถระผู้เป็นที่เคารพของคนทั้งแผ่นดิน เพียงเพราะหวังจะแต่งตั้ง "สังฆราช"

"ยัดเยียด" ข้อกล่าวหาให้แก่ "พระอาพาธ" โดยหมายปอง "สมบัติ" ของวัดใหญ่....

หมดยุคแห่งความ "มืดมน" หลุดพ้นจากการ "ครอบงำ" ด้วยสื่อสามานย์กันเสียที....

มิใช่สมัยที่ใครจะ "ทำชั่ว" อย่างไรก็ได้ขอเพียงแค่ "คุมสื่อ" อยู่ในมือ เพราะ "ช้างตายทั้งตัวใบบัวมันปิดไม่มิด" หร๊อก

เด็กข้างวัด


วันอาทิตย์

แบบไหนนะ..คนดี




จะมีคนจำแนก "คนดี" ไว้กี่ประเภท...ไม่รู้!!!

รู้แต่ "พระพุทธศาสนา" สอนว่า  คนดี...คือผู้ที่ไม่ทำบาปทั้งที่ลับและที่แจ้ง!!!   

รู้จักอดทน! อดกลั้น! ต่อสิ่งยั่วเย้า...

พูดง่ายๆ...ไม่ตามใจกิเลส!!!   และหมั่น"ฝึกฝนใจ"ให้เข้มแข็ง!!! 

หรืออย่างน้อยก็มี "ศีล5" เพราะศีลเป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ เป็นสิ่งที่ควบคุมให้ "สังคมมนุษย์" อยู่กันอย่าง "สงบสุข"
  
ถ้าแบบนี้ "ใช่"...วัดพระธรรมกาย มี "คนดี" แบบนี้อีกเป็นล้านๆคน!!!

แต่ดูเหมือนว่า "แบบนี้" จะ "มิใช่" เพราะสารพัดข้อหาที่จัดสรร "มาถวาย" ให้โดยไม่ต้องรับประเคน  

ฟอกเงิน รับของโจร รัฐอิสระ... เพียงเพราะไม่ยอม "รับถวาย" ในข้อหาที่ "อยุติธรรม" ที่ขัดกับความถูกต้องขัดกับพระธรรมวินัย

เธอจึงมิใช่ "คนดีของฉัน"... ก็อยากถามว่าแล้ว "คนดีของท่าน" นั้น มันต้องทำตัวอย่างไร หรือก็ทำตัวแบบที่เห็นกันทั่วบ้านทั่วเมือง แฝงอยู่ในทุกกระทรวง ทบวง กรม 

ต้องเชื่อฟัง สั่งได้ ประจบเจ้านาย หันหางเสือตามลม กินกันตามน้ำ นายว่าขี้ข้าพลอย!!!

อีกหน่อยวันโกนวันพระ ก็ไม่ต้องไป "รับศีลรับพร" กับหลวงปู่หลวงตาที่วัดแล้ว แค่แวะไปที่ "กระทรวงยุติธรรม" หรือที่ DSI ขอรับ "โอวาท" เป็นแนวทางดำเนินชีวิต เพราะ "คนถือศีล" เดี๋ยวนี้มันสู้ "คนถือกฎหมาย" ไม่ได้แล้วหละโยม

เด็กข้างวัด

วันเสาร์

เมื่อวัดไม่มีพระ


100ปีแรก..100ปีหลัง


สภาพของเด็กไทยในปัจจุบันที่เรียกว่า "ยุค 4G"  ก็คงเห็นแล้วว่า "น่าห่วง" ขนาดไหน พ่อแม่ก็หวังว่าโรงเรียนสถาบันการศึกษา ครู อาจารย์ทั้งหลายจะช่วย "อบรมบ่มนิสัย" เพราะตนเองต้อง "ทำมาหากิน" ไม่มีเวลามา "เอาใจใส่" กับตรงนี้

ส่วนทางโรงเรียนก็ต้อง "เร่งรัด" ที่จะป้อน "ความรู้ทางวิชาการ" หรือ "วิชาชีพ" ให้แก่เด็กๆ เพราะมีการ "สอบแข่งขัน" เป็น "ดรรชนีชี้วัด" ความได้ "มาตราฐาน" ของโรงเรียนหรือสถาบัน

สรุปก็คือ เด็กโตขึ้นในสังคมที่ต่างฝ่ายต่าง "โยนความรับผิดชอบ" ไม่มีใครมีเวลาพอที่จะเอาใจใส่กับ "ความประพฤติและศีลธรรม" จะมีก็เพียงแค่โอวาทจาก "ผู้ใหญ่" ตอนจะจบการศึกษาออกไปเท่านั้น

นึกถึงคำถามที่ "คุณยายอาจารย์" เคยถามกับ "หลวงพ่อทัตตชีโว" ตอนจะสร้างวัดพระธรรมกายด้วยต้นทุนสามพันสองร้อยบาทว่า "การจะสร้างคนให้เป็นคนดีซักคนหนึ่งจะต้องลงทุนซักเท่าไร"

ถ้าจำไม่ผิด เหมือนหลวงพ่อท่านจะตอบว่า "พันล้าน" ยังไม่รู้ว่าจะได้ซักคนไหม!!! 

คุณยายท่านจึงยิ้มแล้วก็เริ่มสร้างวัด เพราะมีต้นทุน "หลายพันล้านบาท" จากกลุ่มลูกศิษย์ที่รักในการทำความดีแบบ "เอาชีวิตเป็นเดิมพัน"

พันล้านบาทยังไม่รู้ว่าจะสร้างคนดีที่รักในการทำความดีแบบไม่กลัวตายได้ซักคนไหม แล้วแค่ลมจากปากคนที่พูดว่า "หนูๆทั้งหลายจงทดแทนคุณ จงซื่อสัตย์สุจริต และเป็นคนดี" โดยตลอดเดือนตลอดปี ไม่เคยมีการอบรม ไม่มีการเรียนการสอน..หวังจริงหรือว่ามันจะเกิดขึ้นได้เอง!!!

ก็ขนาด "คน" ที่โตมาในยุค "ไม้เรียว" ซึ่งปัจจุบันก็ทำงานบริหาร "รับใช้ชาติบ้านเมือง" อยู่ตามหน่วยงานต่างๆ ยังไม่มีความ "สำนึก" ในคุณของ "ข้าวก้นบาตร" วันๆคิดแต่จะ "ไล่จับพระ" ไล่ตรวจสอบวัด

แล้ว "เด็ก" ที่กำลังโตในยุค "สมาร์ทโฟน" ที่มีการ "เสพสื่อเสพข่าว" กันถึงเตียงนอน แถมยังห่างไกลจาก "ธรรม" อีกหน่อยคงได้ "ไล่พ่อไล่แม่" ไปอยู่วัดกันหมดหรอกด้วยเหตุผลว่า "พวกคุณลุงเขาจับพระไปหมดแล้ว พ่อกับแม่ก็ไปช่วยเฝ้าวัดไว้ให้หลวงปู่หลวงตาท่านก็แล้วกัน"

เด็กข้างวัด