เรื่องส่วนตัวให้วางอุเบกขา..
เรื่องพระศาสนาให้เอาอุเบกขาวาง..
เกิดมาชาติหนึ่งได้มีโอกาสสร้างประวัติศาสตร์..
ปกป้องพระพุทธศาสนาด้วยชีวิต.. เป็น"อุปบารมี"
เยี่ยงพระบรมโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย..
ชาตินี้จะมีอะไรให้ต้องสำนึกเสียใจอีก.!!!!
เด็กข้างวัด..
ไม่คิดไม่แปลก..
ห้างสรรพสินค้าสร้างได้ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งดัง..
แต่วัดจะให้ขลังต้องดูเก่าๆคร่ำคร่า..
คนไทยถึงจะยอมรับว่าน่า"ศรัทธา"???
"ธรรมกาย"วางแผนจะเผยแผ่ไปทั่วโลก..
ก็ไม่แปลกที่จะต้องสร้างแบรนด์ให้ดูดี..
คิดจะเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา..
หรือว่าจะให้มาเจอแต่ศาลาเก่าๆ.!!!
พระไม่จำเป็นต้องดูจนๆ.. อยู่อย่างลำบากๆ..
รองเท้าไม่ใส่.. น้ำต้องแบกมาอาบ..
ไฟฟ้าไม่มีจะใช้.. กุฏิต้องมีแมลงสาบ..
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องไม่นอก"ธรรมวินัย"
ถ้าจะวิจารณ์อะไรก็ศึกษากันซักนิด..
ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว..
ไม่ใช่อยู่ในช่วงสมัยยัง"ขี่ม้าส่งสาร"
แต่มันคือยุคของอินเตอร์เน็ทความเร็วสูง
ขอให้ยังปฏิบัติตนอยู่ในศีล 227 ข้อ..
ส่วนว่าจะใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการเผยแผ่..
ก็ไม่เห็นว่าจะผิดอะไร.. และหากใช้ให้ถูกทาง
กลับช่วยขยายงานได้รวดเร็วได้กว้างไกลกว่ากันตั้งเยอะ
ครั้งนี้ DSI "พาทัวร์"ดูรอบพื้นที่วัดทั้ง 2000 ไร่..
ได้เห็นกันแล้วว่าเงินบริจาคเอาไปทำอะไร..
แล้วถ้าจะว่าเรื่อง"คำสอน"ของธรรมกาย
ถ้ายังไม่เคยมา.. เพียงแค่ฟังเขาเล่าว่า..
คุณก็ปฏิบัติผิดที่พระพุทธเจ้าทรงสอนแล้ว..
"จงอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง".!!!!
เด็กข้างวัด..
นักข่าวก็ช่างยั่วเสียจริง..
เล่นเอา"ลุงตู่"บ่นอารมณ์เสีย..
เจ้าหน้าที่ไม่มาก็ว่าทำไมไม่ไปจับ..
พอมาก็บอกว่าขนกันมาทำไมมากมาย..
ประกาศใช้ ม. 44 ก็หาว่ามั่นใจว่า"หลวงพ่อ"ต้องอยู่วัด..
แต่พอจับไม่ได้ก็ด่าเจ้าหน้าที่หาว่าไม่เช็คข่าวให้ดี..
สรุปให้ละกันงั้น.. "ถ้าอยู่ก็เจอ ไม่อยู่ก็ไม่เจอ"
กลับบ้านเถอะ.. จบข่าว!!!
เด็กข้างวัด..
อีกไม่กี่วันก็จะสอบบาลีแล้ว..
ความเพียรที่เฝ้าเรียนมาตลอด 1 ปี..
ใกล้จะถึงคราววัดผลกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า..
เพราะฉะนั้นเวลาทุกนาทีมีค่า..
ทั้งกิจวัตรและกิจกรรม.. แถมยังมีบุญ"พิเศษ"
ก็คงต้องใช้ให้คุ้มกับทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมาย.!!!!
เด็กข้างวัด..
2 วันก่อนเพิ่งกราบรับโอวาท..
"ท่านทั้งหลายก็มีธรรมะคือความดี ความงามประจำใจอยู่แล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายจงรักษาความดี ความงาม ที่ท่านมีอยู่แล้วนี้ ให้คงที่ไว้ตลอดไป"
"เราก็ล้วนเป็นพุทธบริษัทด้วยกัน เพราะฉะนั้น ก็ขอให้เรารักษาจิตใจ ที่เราเลื่อมใสศรัทธาในพระรัตนตรัย ให้คงที่ไว้"
มาวันนี้..
"DSI - ตำรวจ - ทหาร 20 ทีม ปฏิบัติการบุกธรรมกาย ประกาศเป็นพื้นที่พิเศษ"
หลักธรรมที่เพิ่งได้รับมายังไม่ทันจางหาย วันนี้มาล้อมวัดซะแล้ว.!!!!
เด็กข้างวัด..
วัดพระธรรมกาย..
11-12 กุมภาพันธ์ 2560..
สื่อไทยทุกฉบับรวมถึงสื่อต่างประเทศต่างลงข่าวงาน"มาฆบูชา"
"สุดยิ่งใหญ่อลังการ" "สาธุชนล้นหลาม" "ลานธรรมของชาวพุทธ"
องค์กร 40 ประเทศร่วมงาน.. จุดประทีปนับแสนดวง..
ผ่านมาแค่ 2 วัน..
"ศรีวราห์เตรียมบุก" "DSI ประเมินสถานการณ์" "ครั้งนี้ใช้กำลังทหาร"
แถมยังมี "จะประกาศให้เป็นเขตควบคุมพื้นที่พิเศษ"
ตกลงว่าจะเชียร์หรือจะทุบ.???
หรือคิดใช้แผนหลอกล่อให้ตายใจ.???
ชาวไทยยังไม่คลายความปลาบปลื้มดีใจ..
กับการมีสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่..
ยิ่งรู้ว่าเป็นสมเด็จพระมหามุนีวงศ์จากวัดราชบพิธฯ..
ต่างก็แซ่สร้องสรรเสริญอนุโมทนาสาธุการ..
เพราะ"พระองค์"งามสง่าควรแก่การกราบไหว้บูชา
บ้านเมืองกำลังต้องการความสามัคคี..
รัฐบาลก็พยายามจะให้เกิดการปรองดองขึ้น..
การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชขึ้นมาในช่วงเวลานี้..
ก็ยิ่งทำให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้นว่า..
ชาติไทยจะหวนกลับคืนสู่ความสงบสุขในเร็ววัน.!!!
แต่ก็ยังคงมี"บางกลุ่ม"พยายามจะกวนน้ำให้ขุ่น..
โดยมีสื่อบางฉบับที่ขายข่าว"แนวเน่า"
ทั้งดิสเครดิตรัฐบาล.. ทั้งพยายามทำลายสงฆ์..
แถมยังมีบางคนที่คิด"โหน"กระแสตั้งพระสังฆราช..
เอาเรื่องที่จบไปแล้วขึ้นมาให้"พระองค์"พิจารณาใหม่
ดีที่โดนเบรกตั้งแต่ประตูวัด..
เพราะ"เรื่องนั้น"มันขัดกับพระธรรมวินัย..
ฆราวาสที่คิดจะปกครองพระก็เลยต้องม้วนเสื่อกลับออกไป..
ก็เหลือแต่"ทหาร"ที่ว่าจะมาบุกวัด..
หากมาแบบ"ลุงตู่"โดยมีสัมมาคารวะ..
มันก็จะดูน่ารักมิใช่น้อยเลย..จิจินะ!!!!
เด็กข้างวัด..
เพิ่งจะสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ได้ 3 วัน..
แต่เหล่า"คนเก่า"ก็เตรียมจ้องจะแอบอ้างพระนามกันซะแล้ว..
โดยการจะเอาเหล้าเก่าย้อนกลับมาขายใหม่..
เกี่ยวกับคดีของหลวงพ่อวัดใหญ่เมืองปทุม
"สมพร เทพสิทธา" ร่วมกับ "มานพ พลไพรินทร์"
เคยแจ้งความหลวงพ่อวัดใหญ่มาตั้งแต่ปี 2542..
ทั้งคดีทางโลกก็คือเรื่องเงินๆทองๆ..
ส่วนคดีทางธรรมก็เรื่องเกี่ยวกับ"พระลิขิต"
คดีทางโลกต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันอยู่ถึง 7 ปี..
สืบพยานกันทุกอาทิตย์ทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลย..
จนผลปรากฎชัดออกมาว่าหลวงพ่อท่าน"บริสุทธิ์"
อัยการสูงสุดจึงได้ถอนฟ้องไปในปี 2549.!!!
ส่วนคดีทางธรรมก็เข้าสู่มหาเถรสมาคม..
แต่เพราะ"ที่มาที่ไป"ของพระลิขิต..
มันทั้งไม่ชอบด้วยที่มา.. และก็ทั้งไม่ชอบด้วยที่ไป..
เพราะมันขัดกับทั้งพระธรรมวินัยและกฎมหาเถรสมาคม.!!!
แต่เป็นเพราะไม่สะดวกกับการจะอรรถาธิบายมากความ..
เพราะต้องการจะรักษาพระเกียรติของสมเด็จพระสังฆราช..
มหาเถรสมาคมจึงต้องพยายามทำเรื่องให้เงียบ..
แต่กลับกลายเป็นช่องให้พวก"เหล่านี้"นำมาใช้โจมตี มส.
"สมพร เทพสิทธา"เคยพยายามอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว..
แต่ มส. ก็ยังยืนยันว่าคดีได้ถึงที่สุดแล้ว..
เลยคิดจะฉวยโอกาสตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่..
โดยมิได้สนใจในพระธรรมวินัยของพระที่ว่า..
"ภิกษุใดรู้อยู่ รื้อฟื้นอธิกรณ์ที่ทำเสร็จแล้วตามธรรมเพื่อพิจารณาใหม่ ต้องอาบัติปาจิตตีย์"
แล้วอย่างนี้จะไม่เรียกบุคคลเหล่านี้ว่า"เหลือบ"ศาสนาแล้วจะเรียกว่าอะไร.???
เด็กข้างวัด..